สังคมผู้สูงวัยกับอาหารสุขภาพ

การรถไฟแห่งประเทศไทย (SRT) พัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางบ้านไผ่ – มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร – นครพนม มูลค่า 67,966 ล้านบาท เพื่อเชื่อมต่อภาคอีสานตอนกลาง และเชื่อมโยงระเบียงการค้าแนวตะวันตก-ตะวันออกตอนบนเป็นครั้งแรก โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2021 และเปิดใช้งานในปี 2025 คุณวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตําแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2019 มีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ – มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร – นครพนมนั้น โดยทางการรถไฟฯ ได้เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ออกแบบรายละเอียดของโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเปิดประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ให้ได้ตามแผนภายในปี 2020 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2021 สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ในเดือนมกราคม 2025 “โครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่ – มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร – นครพนม ถือเป็นเส้นทางรถไฟที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นรถไฟสายใหม่ และสายแรกที่เปิดให้บริการสู่อีสานตอนกลาง ซึ่งยังไม่เคยมีรถไฟเข้าถึงมาก่อน โดยเมื่อก่อสร้างเสร็จจะสามารถเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟทางคู่กับสายจังหวัดตาก และขอนแก่น ทำให้เป็นเส้นทางเชื่อมจากภาคตะวันตกสู่ภาคตะวันออกได้อย่างสมบูรณ์” นอกจากนี้ ยังรองรับการพัฒนาระเบียงการค้าแนวตะวันตก-ตะวันออกตอนบน ซึ่งเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนาม อีกทั้งยังมีเส้นทางพาดผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว สองแห่ง ที่จังหวัดมุกดาหารและนครพนม และประเมินว่าเมื่อเปิดให้บริการจะมีผู้โดยสารใช้บริการช่วงแรก 3,835,260 คน และเพิ่มเป็น 8,311,050 คน ในปี 2056 ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าจะเริ่มต้น 747,453 ตัน และเพิ่มเป็น 1,068,170 ตัน ในปี 2056 คุณวรวุฒิกล่าวว่า การดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่ – มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร – นครพนม มีกรอบดำเนินการทั้งหมดแปดปี (ปีงบประมาณ 2018 – 2025) มีระยะทางก่อสร้าง 355 กิโลเมตร โดยเป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ทั้งหมดสองทาง บางส่วนสร้างเป็นคันทางระดับดิน และบางส่วนเป็นทางรถไฟยกระดับ พาดผ่านทั้งหมด 70 ตำบล 19 อำเภอ หกจังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร และนครพนม ขณะเดียวกัน มีการก่อสร้างสถานีรถไฟใหม่ 30 สถานี หนึ่งชุมทาง ลานบรรทุกตู้สินค้าสามแห่ง และย่านกองตู้สินค้าสามแห่ง มีโรงซ่อมบำรุงบริเวณสถานีภูเหล็ก (จังหวัดขอนแก่น) สำหรับซ่อมวาระเบาและซ่อมวาระปานกลาง ส่วนวาระหนักจะส่งไปซ่อมที่โรงรถจักรอุตรดิตถ์ พร้อมทั้งมีการสร้างถนนยกข้ามทางรถไฟ จำนวน 81 แห่ง มีถนนลอดใต้ทางรถไฟ จำนวน 245 แห่ง และก่อสร้างรั้วสองข้างทางตลอดแนวเส้นทางรถไฟ ความกว้างของราง ขนาดหนึ่งเมตรเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่



ทัศนะจากผู้อ่าน

ผู้อ่านสามารถส่งเรื่องมาได้ที่ ktopinion@nationgroup.com
19 เมษายน 2560
 13,378

สังคมผู้สูงวัยกับอาหารสุขภาพ

องค์การสหประชาชาติ ให้นิยามผู้สูงอายุ หมายถึงประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
 และแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging society) เป็นสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศหรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปีมากกว่าร้อยละ 7 ของประชากรทั้งประเทศ
ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged society)เป็นสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ20 ของประชากรทั้งประเทศหรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปี มากกว่าร้อยละ 14 ของประชากรทั้งประเทศ และระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ (Super-aged society)หมายถึงสังคมหรือประเทศที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ
ปัจจุบัน ประเทศต่างๆกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ถูกระบุว่าก้าวสู่ประเทศสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ตั้งแต่ปี 2549 หรือประมาณ 11 ปีที่ผ่านมา เรียกว่าเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก ตามมาด้วย อิตาลี เยอรมัน และสวีเดน
สำหรับประเทศในอาเซียน เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนประชากรในกลุ่มอายุต่างๆ ซึ่งทุกประเทศมีแนวโน้มของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยขณะนี้ประเทศสิงคโปร์และไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว
ทั้งนี้ ประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2548 และกระทรวงสาธารณสุขได้ระบุว่า ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ภายในปี 2568
นั่นหมายความว่า ตลาดในส่วนของผู้สูงอายุนับวันจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมถึงประเทศต่างๆ ในอาเซียน และประเทศพัฒนาแล้ว ยิ่งในยุคนี้วิวัฒนาการทางการแพทย์สูงขึ้น กอร์ปกับผู้คนให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ล้วนส่งผลให้คนเรามีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้น “นวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุ” จึงเป็นสิ่งที่หลายประเทศให้ความสำคัญ
วันก่อนได้อ่านข้อเขียนของ รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ที่ได้ไปดูงานผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพเพื่อสังคมผู้สูงอายุที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแต่ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ และนำนวัตกรรมใหม่ในการผลิตอาหาร โดยนวัตกรรมนั้นสามารถช่วยรักษาทั้งสี กลิ่น และรสชาติของอาหารให้เหมือนเดิม ตลอดจนพัฒนารสชาติใหม่ๆ โดยมีระบบเซ็นเซอร์วัดรสชาติที่เลียนแบบลิ้นมนุษย์ แต่ขณะเดียวกันอาหารนั้นก็เหมาะกับสรีระ ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายของผู้สูงอายุด้วย นับว่าเป็นการบ้านใหญ่สำหรับ สกว.ในการผลักดันให้เกิดการวิจัยพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย รองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย
อันที่จริง บ้านเราก็เริ่มมีภาคเอกชนที่ปรับตัวรองรับสังคมนี้แล้วอย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอฟ ที่ริเริ่มผลิตอาหารสำหรับผู้สูงวัย ที่คำนึงถึงปริมาณแคลอรีที่ร่างกายผู้สูงวัยควรได้รับ ภายใต้การดูแลของนักโภชนาการ รวมถึง การลดเค็ม ลดมัน ลดน้ำตาล แต่ยังคงรสชาติต้นตำรับ ด้วยการใช้วัตถุดิบที่เหมาะสมทดแทนเครื่องปรุงปกติ เช่น การใช้น้ำตาลมะพร้าวให้ความหวาน การใช้ดอกเกลือให้ความเค็ม หรือใช้ความมันจากน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น แทนการใช้กะทิหรือน้ำมันพืชทั่วไป นอกจากนี้ ยังผลิตอาหารผู้ป่วยร่วมกับแพทย์ ตลอดจนอาหารสุขภาพ และอาหารมังสวิรัติ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ที่สำคัญ กระบวนการผลิตอาหารเหล่านี้จะใช้นวัตกรรมการผลิตด้วยหุ่นยนต์อันทันสมัย ตามสไตล์ไทยแลนด์ 4.0
เมื่อถึงวันที่ประเทศเต็มไปด้วยผู้สูงอายุ จากที่เคยมีฟันเคี้ยวอาหารเหนียวๆได้สบาย จะมีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวที่ลดลง ระบบการย่อยอาหารที่เคยย่อยง่ายก็มีประสิทธิภาพที่อ่อนด้อยลง ทำให้ผู้สูงวัยมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบ่อยครั้ง ระบบขับถ่ายก็เช่นกัน ...อาหารสำหรับผู้สูงอายุ จึงถือเป็นโจทย์สำคัญสำหรับการเตรียมความพร้อมรองรับประชากรของประเทศ
การคิดค้นอาหารที่มีความเหมาะสมกับผู้สูงวัย จึงเป็นหน้าที่ของนักโภชนาการทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการคิดค้นให้ได้อาหารที่เหมาะสมกับสุขภาพของผู้สูงวัย เพื่อรองรับสังคมผู้อายุที่สมบูรณ์อย่างยั่งยืน
แชร์ข่าว :
  •  
  •  
Tags:

ความคิดเห็น